"ในยุคดิจิตอลที่อะไรๆก็สะดวกสบายไปซะหมด
ทำไมยังหลงเหลือกล้องแบบโพลารอยด์
ทั้งๆที่เป็นกล้องใช้ฟิล์มเปลืองมากในการถ่ายรูป
แถมฟังก์ชั่นมากมานไม่สามารถเทียบได้แม้แต่กล้องโทรศัพท์
ลองอ่านบทความต่อไปนี้ดู แล้วคุณจะรู้ว่าทำไม"
+++++++++++++++++++++++
กล้องแบบโพลารอยด์ ทำไมยังมีคนซื้ออยู่ในยุคดิจิตอล
วันนี้ตอนที่กลับมาจากสมุย ในสนามบินสุวรรณภูมิ ผมเกิดมองไปเห็นโฆษณาชิ้นนึงคือ โฆษณาของกล้องแบบโพลารอยด์ของฟูจิ ที่เรียกว่า Fuji Instax คงจะหมายถึง Instant เห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเค้ายังมีคนซื้อกล้องพวกนี้กันอยู่อีกเหรอ ในเมื่อเราสามารถถ่ายรูปและส่งให้ใครในโลกเห็นได้ทันทีเกือบจะทุกแห่งในโลกกันอยู่แล้ว
แต่ การที่เค้ามาลงทุนทำโฆษณากันแบบนี้ในสนามบิน มันน่าจะหมายความว่า ยังคงมีคนซื้ออยู่และเป็นที่ต้องการของนักเดินทาง ถึงมาโฆษณากันในสนามบิน อาจจะมีเรื่องราวที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ ก็เลยลองคิดๆดูครับ
ไม่ว่าวิทยาการด้านการสื่อสารจะพัฒนาไปเท่าไหร่ โปสการ์ดก็มีขายทั่วโลก
ไม่ว่าวิทยาการด้านการสื่อสารจะพัฒนาไปเท่าไหร่ โปสการ์ดก็มีขายทั่วโลก
ทำไมโปสการ์ดยังคงมีขายกันอยู่ทั่วโลก ทำไมเค้าไม่ใช้แค่ Email Facebook Instagram หรือ อื่นๆเพื่อส่งข้อความหากัน โปสการ์ดมีเสน่ห์อะไรกันเหรอ
หนังสืออีกล่ะ ทำไมคนเรายังคงพิมพ์หนังสือกันออกมาขาย และก็มีคนซื้อ ธุรกิจหนังสือและร้านหนังสือยังเป็นธุรกิจที่ใหญ่ระดับโลกกันอยู่ ทั้งๆที่ทุกวิทยาการ ทุกรูปภาพ ต่างก็เข้าไปเก็บไว้ในอินเตอร์เนทกันหมดแล้ว และแม้จะมีเครื่องอ่านหนังสือ อ่านนวนิยายแบบดิจิตอลออกมาขาย เราก็ยังคงเห็นผู้คนถือหนังสือไปนอนอ่านกันชายทะเล หรือ สถานที่ที่ตนชอบกันอยู่ ทำไมเค้าไม่ใช้เครื่องอ่านกัน
ผมเริ่มคิดถึง การสัมผัส
ผมเคยอ่านเจอว่า ที่ปลายนิ้วของคนเรานั้น เป็นจุดที่มีความหนาแน่นของเส้นประสาทมากที่สุดของร่างกาย หากได้รับการฝึกฝนมากพอ เราสามารถใช้ปลายนิ้วของเราสัมผัสสิ่งต่างๆแล้วเราสามารถบอกรายละเอียดของสิ่งนั้นโดยไม่ต้องมองสิ่งของสิ่งนั้นเลยด้วยซ้ำ เหมือนกับการที่เราสามารถล้วงมือลงไปในเป้ แล้วสามารถหยิบของที่ต้องการออกมาได้อย่างถูกต้องราวกับเราเห็น …… ใช่ครับ เราเห็นด้วยการสัมผัสนั่นเอง
ผมเคยอ่านเจอว่า ที่ปลายนิ้วของคนเรานั้น เป็นจุดที่มีความหนาแน่นของเส้นประสาทมากที่สุดของร่างกาย หากได้รับการฝึกฝนมากพอ เราสามารถใช้ปลายนิ้วของเราสัมผัสสิ่งต่างๆแล้วเราสามารถบอกรายละเอียดของสิ่งนั้นโดยไม่ต้องมองสิ่งของสิ่งนั้นเลยด้วยซ้ำ เหมือนกับการที่เราสามารถล้วงมือลงไปในเป้ แล้วสามารถหยิบของที่ต้องการออกมาได้อย่างถูกต้องราวกับเราเห็น …… ใช่ครับ เราเห็นด้วยการสัมผัสนั่นเอง
การสัมผัสของมือบอกอะไรให้กับสมองเรา”ตีความหมาย”เพิ่มเติมจากสิ่งที่ตาเห็นเสียด้วยซ้ำ คนเรามองเห็นสิ่งของที่เรามอง แต่ส่วนลึกของจิตใจแล้วเรารู้ว่า ถ้าเราได้จับต้องของสิ่งนั้นเราจะเข้าใจมันมากขึ้นไปอีก เช่น เวลาไปเห็นเสื้อผ้า เราอยากเอามือสัมผัสมันว่า เรารู้สึกอย่างไร เวลาเราจะซื้อเครื่องไฟฟ้า เราอยากเอามือไปสัมผัสมันว่า เรารู้สึกอย่างไร หรือ
แม้กระทั่งเวลาไปดูงานศิลปะเราก็อยากเอามือไปลองสัมผัสกับงานศิลปะ ทั้งๆที่เรามองด้วยตาก็พอแล้ว แต่ สมองเราต้องการข้อมูลเพิ่มจากมืออีกหน่อยนึง จนต้องมีป้ายเตือนกันให้เห็นบ่อยๆกันเลย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ผมก็เลยเดาๆเอาว่า การได้รับ Email มันก็ได้อ่านข้อความเหมือนกัน แต่ ไม่ได้รับความรู้สึกจากนิ้วที่สัมผัสผิวของกระดาษจดหมาย หรือ โปสการ์ด
เวลาดูรูปผลไม้ มันก็เห็นผลไม้ แต่ หากได้สัมผัสเปลือกของผลไม้ เราจะเข้าใจมันมากขึ้นตัดสินใจได้ดีขึ้นว่า เราจะซื้อมากินไหม
บางทีการที่เราถ่ายภาพเสร็จแล้วส่งให้กันทาง LINE Facebook Instagram มันก็ได้เห็น แต่ มันไม่ได้ความรู้สึกบางอย่างจากการ “ยื่นให้กันด้วยมือ” การได้จับ การได้เขียนบนภาพด้วยมือ การได้รู้สึกและจดจำความรู้สึกที่ได้รับภาพนั้นมาเก็บไว้ในความทรงจำ ที่จะอยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน
ผมว่า ผมได้คำตอบแล้วครับ
หมายเหตุ : นี่ไม่ใช่การโฆษณาให้กล้อง Fuji นะครับ 55555555 ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ
credit : http://www.trachoo.com/2014/06/01/polaroid-camera-still-exists-in-digital-era/
credit : http://www.trachoo.com/2014/06/01/polaroid-camera-still-exists-in-digital-era/
ว่าจะหาแฟนเป็นตากล้องอยู่ค่ะ 555555
ตอบลบข้อมูลดีมีประโยชน์ บล็อกก็น่ารักก
ตอบลบอยากได้กล้องรุ่นนี้มากกก
ตอบลบ